ฟุตซอลถือเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่สร้างชื่อให้กับประเทศไทยมากที่สุดอย่างหนึ่ง จะบอกว่าฟุตซอลไทยสามารถไปได้ไกลในระดับนานาชาติมากกว่าฟุตบอลเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ทีมชาติไทยมักจะอยู่ในระดับแนวหน้าในรายการแข่งขันต่าง ๆ ในระดับทวีป รวมไปถึงเป็นขาประจำในการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันทีมโต๊ะเล็กของไทยเราอยู่ในอันดับที่ 17 ของโลก และรั้งอยู่ที่ 3 ของทวีปเอเชีย ตามหลังอันดับหนึ่งอย่างอิหร่าน และอันดับสองญี่ปุ่น ที่เบียดกับเราอยู่อย่างสูสี
นอกจากชื่อเสียงของทีมชาติไทยแล้วในระดับสโมสรอาชีพ ทีมจากลีกอาชีพในบ้านเราก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะทีมดังของลีกบ้านเราอย่างพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี (ชลบุรี บลูเวฟเดิม) ที่เคยก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งแชมป์ระดับทวีปมาแล้วถึงสองหน และในส่วนของผู้เล่นของไทยเราก็เช่นกัน ต่างติดอยู่ในรายชื่อนักฟุตซอลระดับต้น ๆ ของโลกมาโดยตลอด อย่างเช่นอนุชา มั่นเจริญ หรือศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ที่ถือเป็นแข้งฟุตซอลแนวหน้าที่มาจากประเทศไทย
และในปัจจุบันได้มีดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการฟุตซอลไทย ที่เตรียมจะก้าวสู่นักฟุตซอลระดับโลกในอนาคตเช่นกัน เขาคนนั้นก็คือ “เจ้าเหม็ด” มูฮัมเหม็ด อุสมานมูซา หน้าเป้าลูกครึ่งไทย-กาน่า ของพีทีที บลูเวฟ ชลบุรีนั่นเอง ที่ล่าสุดเจ้าเหม็ดมีชื่อติดหนึ่งในสิบ ที่มีโอกาสชิงตำแหน่งนักฟุตซอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของโลก ซึ่งเป็นการติดหนึ่งในสิบคนสุดท้ายเป็นครั้งที่สามของเขาแล้ว โดยการคัดเลือกผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมจะวัดจากผลงานของผู้เล่นเหล่านั้นในแต่ละปี
สำหรับเด็กหนุ่มคนนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เขาเริ่มเล่นฟุตซอลอาชีพกับสโมสรแบงค็อก บีทีเอส เอฟซี ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี และโชว์ฟอร์มเจิดจรัสด้วยการทำไป 29 ประตู พร้อมกับการก้าวเข้าสู่ทีมชาติในปีต่อมา และในช่วงเวลาเพียง 3 ปีที่ผ่านมา เขาติดทีมชุดไม่เกิน 20 ปีไปแล้ว 8 ครั้ง และทีมชาติชุดใหญ่ไปอีก 29 ครั้ง กับผลงานการถล่มประตูรวมทั้งสองชุดถึง 48 ประตูเลยทีเดียว และที่สำคัญครั้งหนึ่งเจ้าหนูคนนี้เคยไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรซานติอาโก้ ฟุตซอล ทีมในลีกอาชีพอันดับหนึ่งของโลกในประเทศสเปนมาแล้ว และเขาได้โอกาสลงสนามหนึ่งนัดด้วย ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงแค่สามนาทีในสนามในการทำประตูบนลีกอันดับหนึ่ง และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักฟุตซอลจากบ้านเราคนแรกที่ได้ลงเล่นในสเปน
นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตนักฟุตซอลของ “เจ้าเหม็ด” ในการเป็นหนึ่งในสิบนักฟุตซอลดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีผลอย่างมากต่อทั้งสภาพจิตใจและพัฒนาการการเล่นฟุตซอลของเขา ซึ่งก็เป็นประโยชน์ทางตรงสำหรับวงการฟุตซอลไทย และมันจะทำให้เขาก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักฟุตซอลระดับโลกของไทยในอนาคต และไม่แน่ว่าเขาอาจจะก้าวไปได้ไกลกว่าที่รุ่นพี่เคยทำไว้ ก็เป็นไปได้เช่นกัน
เครดิตภาพ : https://www.matichon.co.th/sport-slide/news_934495